1 ค่าใช้จ่ายในการเรียนประมาณเท่าไหร่
ขอแบ่งเป็นหลักสูตรนะคะ
          ภาษาจีน 1 ปี ค่าเทอมจะอยู่ประมาณ 6,500-12,000 หยวนต่อเทอม ขึ้นอยู่กับเมืองค่ะ ปักกิ่งกับเซี่ยงไฮ้ เฉลี่ยที่ 9,500 หยวนต่อเทอม ค่าที่พักก็ประมาณ 500-2,000 หยวนต่อเดือนขึ้นอยู่กับเมืองอีกเช่นกันขอยกตัวอย่างสักสองเมืองนะคะที่ค่าใช่จ่าย 1 ปี  อัตรา 1 หยวนเท่ากับ 5บาท

ปักกิ่ง Beijing normal Univeristy
ค่าเทอม 22,850/year หยวน
ค่าหอ 23,400/year หยวน
ค่าครองชีพประมาณอย่างต่ำ 8,000 บาท ต่อเดือนค่ะ ก็เป็น 96,000 บาท
รวม  327,250 บาท

คุนหมิง Yunnan normal University
ค่าเทอม 12,250/year หยวน
ค่าหอ 21,600/year หยวน
ค่าครองชีพประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน ทั้งปี 60,000 บาท
รวม 229,250 บาท

ถ้าเป็นหลักสูตรปริญญาตรี โท ภาษาอังกฤษ ค่าเทอมจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อยกับค่ากิจกรรม ค่ะ

2 ไม่เคยเรียนภาษาจีนมาก่อนเลยสามารถไปเรียนได้มั้ย
          ได้ค่ะ ปกติจะมีการสอบวัดระดับแบ่งชั้นกันก่อน คนที่ไม่เคยเรียนเค้าจะเริ่มสอนตั้งแต่การอ่านพินอิน* ไม่ต้องกังวลว่าจะฟังครูไม่รู้เรื่องค่ะ  แบ่งเป็นเรียนภาษาช่วงเช้าจันทร์ถึงศุกร์  ส่วนเนื้อหาจะมีไวยากรณ์ทั่วไปจะเรียนทุกวัน วิชาฟังประมาณอาทิตย์ละ 2 ครั้ง วิชาพูดอาทิตย์ละ 4 ครั้ง วิชาอ่านเพื่อความเข้าใจอาทิตย์ละครั้ง ช่วงบ่ายเป็นวิชาเลือกซึ่งจะสลับตารางกันไป  ส่วนใหญ่ก็จะมีการเขียนพู่กัน ร้องเพลงจีน วาดรูปจีน ประวัติศาสตร์จีน ไทเก็ก การทำอาหารจีน ตัดกระดาษ การแข่งขันพูด อุปรากรจีน เป็นต้น
ส่วนคนที่ต้องการไปเรียนปริญญาตรีภาคภาษาจีน ต้องสอบวัดระดับ HSK ให้ได้ระดับตามที่หลักสูตรนั้นๆ กำหนดก่อนจึงเข้าเรียนได้ ทั่วไปอยู่ที่ระดับ 4-6 ใช้เวลาเรียนประมาณปี ถึง ปีครึ่งก็จะสอบได้ระดับนี้ ส่วนปริญญาโทต้องได้ระดับ 8
*พินอิน คือ การใช้ภาษาอังกฤษมาช่วยสะกดคำอ่าน เช่น ภาษาจีนคำว่าสวัสดี อ่านว่า หนีห่าว พินอินจะเป็น nihao
ปกติหนึ่งห้องเรียนจะมีนักเรียนประมาณ 20-30 คนค่ะ

3 มาตรฐานในการสอนแต่ละเมืองแตกต่างกันอย่างไร
          ขอตอบตามความจริงว่ามีความแตกต่างกันอยู่แล้วเพราะประเทศจีนมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล สำเนียงแต่ละท้องถิ่นก็แตกต่างกันมาก มีมหาวิทยาลัยอยู่เป็นพันๆแห่ง  แต่สำหรับมหาวิทยาลัยที่ทางเราจัดให้รับรองว่าได้มาตรฐานแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมหาวิทยาลัยที่ติดใน 30 อันดับให้ท่านเลือกด้วยหลักสูตรการเรียนการสอน สื่อการสอน และสำเนียงภาษาครูผู้สอนคือจีนมาตรฐาน ไม่จำเป็นว่ามหาวิทยาลัยที่แพงจะเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด การเรียนให้ได้ผลดีนั้น 70% ต้องขึ้นอยู่กับตัวเรา
ปัญหาที่จะพบบ่อยคือ ในมหาวิทยาลัยเราจะฟังสำเนียงจีนกลางมาตรฐานออก แต่พอไปข้างนอกคนส่วนใหญ่จะพูดสำเนียงแปลกๆ ไม่เหมือนที่เรียน ซึ่งต้องใช้เวลาค่อยๆ เรียนรู้ไป ถ้ามองอีกมุมน่าจะเป็นข้อดีด้วยซ้ำ เพราะเรายิ่งมีความรู้เพิ่มขึ้น

4.ต้องเรียนนานแค่ไหนจึงจะพูดได้
          ถ้าเป็นการสื่อสารระดับพื้นฐานใช้เวลาเรียน 1 ปีก็ใช้ได้แล้วค่ะ แต่ต้องบอกว่าถ้าคิดว่าจะใช้ภาษาจีนหางานทำสมัครงาน อาจจะยังไม่พอค่ะ เพราะต้องเขียนได้ อ่านได้ และมีศัพท์เฉพาะทางอีกมากมายควรจะเรียนเพิ่มอีกซักปีค่ะ แนะนำว่าถ้าต้องการใช้ภาษาจีนอย่างจริงจังให้เรียนเป็นหลักสูตรธุรกิจ หรือปริญญาตรีไปเลย รับรองว่าคล่องแน่นอน

5.ตารางเปิดปิดการศึกษา
แบ่งเป็นสองเทอมค่ะ
          เทอมที่ 1 เปิดเรียน ต้นมีค.- ปลายกค. ปิดเทอมช่วง สค.ซึ่งบางมหาวิทยาลัยจะมีการเปิดสอนช่วงนี้   ด้วยเป็นคอร์สระยะสั้น
          เทอมที่ 2 เปิดเรียน ต้นกย.- ปลายธค.ปิดเทอมสองเดือน มค.กพ.ช่วงนี้จะไม่ค่อยมีคอร์สระยะสั้นเปิดสอนเพราะว่าจะเป็นช่วงตรุษจีน จีนจะหยุดยาวมากค่ะ ประมาณสิบวัน

6.เมืองไหนที่คนไทยไม่เยอะ
          เอาเป็นที่คนไทยเยอะมากจะตอบง่ายกว่าค่ะ เพราะทุกที่มีคนไทยไปหมด ที่เยอะที่สุดก็จะเป็นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางเจา ส่วนที่น้อยจริงๆ ก็จะเป็นเมืองเล็กลงมาหน่อยเช่น กว่างซี ซูโจว เซินเจิ้น ไม่ว่า จะไปที่ไหนก็มีคนไทยค่ะ แต่เราต้องพยายามเข้ากลุ่มกับเพื่อนต่างชาติไว้ และหาเพื่อนคนจีนไว้ช่วยติว  
    
7 หอพักมีการจัดระเบียบการเข้าพักอย่างไร
          เป็นกฎของจีนอยู่แล้วค่ะ นักเรียนต่างชาติจะพักแยกกับนักเรียนจีน เพื่อนร่วมห้องจะมีแต่คนต่างชาติเลือกได้ค่ะว่าอยากได้เพื่อนชาติอะไร ทั่วไปในห้องจะไม่สามารถทำครัวได้ จะมีครัวรวมให้มีไมโครเวฟ เครื่องต้มน้ำ อ่างซักล้าง ห้องซักผ้ารวมบางที่ก็เป็นแบบหยอดเหรียญ บางที่ก็ไม่เสียตังค์ค่ะ บางมหาวิทยาลัยอาจมีกำหนดเวลาเปิด-ปิดประตูหอพักด้วยเช่นเปิดหกโมงเช้า ปิดห้าทุ่ม

8 การทำงานพิเศษ
          ตามกฎหมายจีนไม่อนุญาตให้นักศึกษาทำงานค่ะ แต่อาจจะมีการสอนกันตัวต่อตัวได้ค่ะ

9 เอกสารและค่าใช้จ่ายในการสมัคร
          พาสปอร์ต ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน,รูป 1นิ้ว 5 ใบ,Transcript,ใบรับรองแพทย์ต้องตรวจที่รพจุฬาเท่านั้น(กรณีที่เรียนไม่ถึง 6 เดือนไม่ต้องตรวจสุขภาพ )
          ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆในการสมัครเท่ากับสมัครที่มหาวิทยาลัยโดยตรง

10 การเดินทางในจีน 
          ต้องถือว่าสะดวกสบายมากๆค่ะ ทุกๆ มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในเขตชุมชน มีป้ายรถเมล์อยู่หน้ามหาวิทยาลัย การวางผังเมืองของจีนถือว่าเป็นระบบกว่าบ้านเรามากมาย ป้ายรถเมล์ก็จะมีรายละเอียดของแต่ละสายว่าสายนี้ไปที่ไหนบ้าง บนรถเมล์ก็จะมีไมค์บอกแต่ละป้ายว่าป้ายหน้าคือที่ไหน     อาจจะไม่ทุกเมืองค่ะที่มีพูดภาษาอังกฤษ ค่ารถเมล์คิดเป็นเที่ยวค่ะถูกกว่าบ้านเรามาก 1-2 หยวน รถไฟใต้ดินก็สะดวกมากค่ะมีภาษาอังกฤษตลอด
          แท็กซี่ เริ่มต้นที่ 8-10 หยวนค่ะ ถ้าจะไปไกลๆ เช่นสนามบินควรจะสอบถามราคาจากเพื่อนก่อนนะคะว่าเคยไปที่กี่บาท เพราะตามสนามบินบางคนไม่คิดตามมิเตอร์ เรียกเอาดื้อๆ 400  หยวนแต่ตามมิเตอร์ 100 หยวน หรือบางคนแกล้งขับอ้อมก็มีแต่ถ้าเราบอกว่าเราเคยนั่งมาเท่านี้  ก็จ่ายเท่าที่เคยนั่งได้ไม่ผิดค่ะ แต่แท็กซี่อาจจะไม่มีทั้งคืนค่ะ แล้วก็ราคาอาจจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ห้าทุ่มในบางเมืองด้วยค่ะ แล้วก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 1 หยวนจากมิเตอร์เป็นค่าน้ำมันด้วยค่ะ ห้ามนั่งเกิน 4  คนค่ะ
 
11 การเปิดบัญชีธนาคาร
          ไม่ยุ่งยากค่ะและ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพียงแต่นำพาสปอร์ต บัตรนักเรียนไปขอเปิดบัญชี